ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2553 เป็นฤดูกาลในอดีตที่เคยมีการก่อตัวของ
พายุหมุนเขตร้อนใน
มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ฤดูกาลดังกล่าวจะลากยาวตลอด พ.ศ. 2553 โดยพายุหมุนส่วนใหญ่จะก่อตัวขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่มีกิจกรรมของพายุน้อยกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย โดยมีพายุโซนร้อน 21 ลูก ในจำนวนนั้น 8 ลูกทวีกำลังแรงขึ้นเป็นถึงพายุไต้ฝุ่น และในจำนวนพายุไต้ฝุ่น มี 4 ลูก เป็นถึงพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น ฤดูกาลนี้เป็นฤดูที่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก แม้ว่าทั้งสองฤดูกาล จะมีค่าเฉลี่ยจำนวนพายุโซนร้อนในฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ 26 ลูกก็ตาม พายุลูกแรกที่ได้รับชื่อของฤดูนี้ชื่อว่า แอรี ก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ส่วนพายุลูกสุดท้ายที่ได้รับชื่อของฤดูชื่อว่า วาชิ สลายตัวไปในวันที่ 19 ธันวาคมฤดูกาลนี้ยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตและการทำลายล้างมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาอย่างมากด้วย โดยพายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้าส่งผลกระทบกับหลายประเทศในช่วงเดือนสิงหาคม พายุโซนร้อนตาลัสและพายุไต้ฝุ่นโรคี พัดขึ้นฝั่งที่ประเทศญี่ปุ่นและสร้างความเสียหายมากที่สุด ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2552 พายุไต้ฝุ่นเนสาท เป็นพายุที่ทรงพลังที่สุดที่ส่งผลกระทบกับประเทศจีนนับตั้งแต่
พ.ศ. 2548 และพายุโซนร้อนวาชิ พายุลูกสุดท้ายของฤดูกาล แม้จะเป็นพายุที่มีกำลังอ่อน แต่ส่งผลกระทบกับภาคใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ และทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2,546 คนขอบเขตของบทความนี้จำกัดเฉพาะมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ระหว่างเมอริเดียนที่ 100 และ 180 ตะวันออก ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ มีสองหน่วยงานที่กำหนดชื่อพายุหมุนซึ่งอาจเป็นผลให้พายุลูกหนึ่งมีสองชื่อ
กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) จะตั้งชื่อพายุถ้าพายุลูกนั้นมีความเร็วลมที่รอบศูนย์กลางพายุที่สูงสุด 10 นาที อย่างน้อย 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดในแอ่ง ขณะที่
สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) กำหนดชื่อพายุหมุนซึ่งเคลื่อนเข้าสู่หรือก่อตัวขึ้นเป็นดีเปรสชันเขตร้อนในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานฯ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างลองติจูด 135 และ 115 องศาตะวันออก และระหว่างละติจูด 5 ถึง 25 องศาเหนือ แม้พายุนั้นจะมีชื่อที่กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นตั้งแล้วก็ตาม นอกจากนี้พายุดีเปรสชันเขตร้อนซึ่งถูกเฝ้าติดตามโดย
ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ของสหรัฐยังได้รับการกำหนดหมายเลขและเติมตัวอักษร "W" ต่อท้ายเป็นรหัสเรียกด้วย